ก่อนโด่งดังจาก TharnType
The Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดีๆ สำหรับ มิว–ศุภศิษฏ์
จงชีวีวัฒน์ ก็โลดแล่นอยู่ในวงการมานานถึง11 ปี
ผ่านความผิดหวังจากการทดสอบบทครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งความฝันที่อยากโลดแล่นในวงการบันเทิงไม่นานมานี้
มิว เพิ่งประกาศบทบาทใหม่ในฐานะศิลปินนักร้อง พร้อมออกซิงเกิลที่สองในเพลง นั้นนา
ก็ได้รับผลตอบรับเกินความคาดหมาย มิว บอกว่านี่คือสิ่งที่เขาอยากทำมานาน
เกือบจะถอดใจแต่ก็ทำออกมาสำเร็จเพราะอยากตอบแทนแฟนคลับ แถมตอนนี้ มิว
ยังคว้าตำแหน่งว่าที่ด็อกเตอร์ป้ายแดงที่ มิว พูดอยากภาคภูมิในรายการ
ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561
ปริญญาใบนี้เพื่อครอบครัว พร้อมกับเปิดความฝันอีกสิ่งหนึ่งในชีวิตที่อยากทำมากคือ
ถาม
ว่าที่ด็อกเตอร์วิศวะจุฬา คือ เรียนวิศวะ ตรี โท และเอก เลย
มิว
ศุภศิษฏิ์ : ใช่ครับ เรียนวิศวะอุตสาหการครับ
ถาม
แต่ก็ยังสามารถมีเวลาแบ่งมาทำงานที่วงการได้
มิว
ศุภศิษฏิ์ : แต่ช่วงนี้เน้นมาที่ในวงการมากกว่าครับ
เพราะป.เอก
พวกวิชาเรียนที่บังคับผมก็เรียนใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้วเหลือแค่ทำธีสิสครับ
ถาม
ทำไมมองถึงขั้นด็อกเตอร์
มิว
ศุภศิษฏิ์ : เอาจริงๆคือที่บ้านอยากให้เรียนครับ
ตั้งแต่โทแล้วเอาจริงๆผมรู้สึกว่าหยุดแค่ตรีก็ได้
แต่ว่าเป็นความฝันของที่บ้านแล้วก็เป็นความคาดหวังและผมก็รู้สึกว่าอยากจะทำอะไรตอบแทนเขา
ถาม
แต่สำหรับ มิว ศุภศิษฏิ์
ที่วันนี้สามารถพูดได้เลยว่าประสบความสำเร็จในเส้นทางของวงการบันเทิงอีกคนแต่ก็กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ไม่มาง่ายๆเลย
กี่ปีที่เรามีความพยายามกว่าจะมายืนอยู่จุดนี้
มิว
ศุภศิษฏิ์ : ตั้งแต่ม.6 ก็ประมาณ 10-11 ปีเลยครับ
เริ่มต้นของ มิว คือ
การแคสโฆษณาแล้วเวลาที่เราไปแคสคือคนไปประมาณสองสามร้อยคนเลยแล้วก็เอาแค่คนสองคนโอกาสได้น้อยอยู่แล้วครับ
เราไปแคสเป็น 10
เป็น
100 งานแต่ได้งานเดียว
ก็ช่วงที่เกือบๆท้อเหมือนกันเพราะเรารู้สึกว่าเราอยากทำ แต่ทำก็ได้น้อย
แล้วมันก็ไม่ประสบความสำเร็จสักที
ถาม
แต่เห็นที่บ้าน มิว คือ เน้นเรียนการเรียนมากแล้วทีคุยกันเรื่องนี้ไหม
มิว
ศุภศิษฏิ์ : มีคุยครับ
ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าไปแคสงานอะไรมาแล้ว ป๊า บอกว่าถ้าเรื่องนี้ไม่ผ่านให้ไปเรียนป.โท
(และก็วันนี้ไม่ผ่านเลยต้องไปเรียนป.โท (หัวเราะ))
เพราะ ปาป๊า ค่อนข้างจะเน้นเรียนก็ไม่อยากให้ทำอยู่แล้ว แต่ มาม๊า
เป็นคนที่อยากทำอะไรทำถ้าจัดสรรเวลาเขาก็ยอม
ถาม
แล้วตอนนที่ทำงานมาเยอะมาก เล่นซีรีส์โดยเฉพาะสายวายแฟนคลับมากมาย ร้องเพลง
ถ้าถามว่าความฝันในวงการบันเทิงของ มิว จริงๆคือ
มิว
ศุภศิษฏิ์ : ตอนนี้ คือ อยากเล่นหนังมากๆครับเพราะว่าเรายังไม่เคยมีโอกาสเล่นหนังเลย
เพราะการแสดง กับ ร้องเพลงมันคนละอย่างกันเลยครับ
อย่างการแสดงเราได้เป็นคนอื่นในรูปแบบที่ในชีวิตเราอาจจะไม่ได้เป็นแล้วเราได้มีโอกาสได้เล่นเป็นบทนั้นนี้ได้ศึกษาชีวิตเขาเหมือนเราได้ใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง
แต่ถ้าการเป็นนักร้องผมรู้สึกว่ามันคือการที่เราเป็นตัวเอง
ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของเราการเป็นตัวเราต่อหน้าแฟนๆทุกคน
แต่เป็นสองแนวที่ต่างกันแต่ผมชอบทั้งสองแนวเลย
ถาม
แล้วถ้าเกิดเป็นหนังอยากได้คาแรคเตอร์แบบไหน
มิว
ศุภศิษฏิ์ : ตอนนี้ที่ผ่านบทที่ผมได้รับคือค่อนข้างไปแนวทางโรแมนติกคอมเมดี้
หรือ ไม่ก็โรแมนติกดราม่า
แต่มันยังมีเวอื่นในการแสดงที่มันเยอะมากๆผมอยากมีโอกาสได้ลองทำแบบเป็น เฮอร์เรอร์
หรือ แนวไซโคพาส เลยก็อยากลอง
ถาม
มิว มีความพยายามมาตลอดทั้งๆที่เจอความผิดหวังบ้าง สำเร็จบ้าง
แต่จุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้เราเด้งขึ้นมาจนทำให้เราเป็นที่รู้จักในวงการมากขึ้นแล้วมีแฟนคลับ
FC
มหาศาลเลยคือการมาเล่น
ซีรีส์วายคู่กับ กลัฟ เราเห็นการเปลี่ยนของตัวเองยังไงบ้าง
มิว
ศุภศิษฏิ์ : อย่างของผมไม่ได้ดังขึ้นมาชั่วข้ามคืนครับ
แต่เป็นการค่อยๆเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆครับ
มันก็ทำให้ไม่ได้หวือหวาขนาดนั้นเพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหมือนเราสร้างสะพานค่อยๆมั่นคงไปเรื่อยๆ
แต่ตอนท้ายๆของซีรีส์คือช่วงที่ทำให้รู้จักแฟนๆเพิ่มขึ้นมากจริงๆให้แฟนๆทั่วโลกได้เห็นด้วยครับผม
ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ
ถาม
โดยเฉพาะแฟนคลับที่ต่างประเทศ คือ น่ารักกับ มิว
มากอย่าช่วงคริสมาสต์เขาให้ของขวัญอะไร มิว เอ่ย
มิว
ศุภศิษฏิ์ : ช่วง คริสมาสต์ มีบินโดรนที่ประเทศจีนครับ
แปลรูปเป็นชื่อของผมแล้วเขาก็ทำเป็นหน้าของเรา อันนี้คือดีใจมากเพราะ บินโดรน
คือครั้งแรกเลยเพราะอันนี้คือแฟนๆหลายๆบ้านเขารวบรวมเงินกันขึ้นมาทำเพื่อเราครับ
ซึ่งพอเราเห็นสิ่งที่เขาทำให้เราเราก็อยากตอบแทนเขาเพราะว่าทุกคนคอยซัพพอร์ตคอยให้ความรักผมมาตลอด
ทำให้เราอยากสร้างสรรค์ผลงานคอยตั้งใจพัฒนาตัวเองเพื่อมาตอบแทนเขาผมรู้สึกว่าไม่อยากอยู่นิ่งๆ
เพราะเราไม่อยากเอาเปรียบในความรักที่พวกเขามีให้กับเราแล้วเราอยู่เฉยๆเราเลยต้องพัฒนาตัวเองวขึ้นเรื่อยๆครับ
ถาม
ในช่วงที่ เคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ผ่านมา มิว เลย LIVE สดร่วมกับแฟนๆทั่วโลกและคนดู
Live
คือ
มิว
ศุภศิษฏิ์ : 1.3 ล้านคนครับ
ถาม
เลยทำให้จากเมื่อก่อน ปาป๊า ที่บอกว่าให้เรียนๆอย่างเดียวเดี๋ยวนี้ คือ
เปลี่ยนไปเป็นส่งวข่าวลูกไปในกลุ่มไลน์เพื่อนๆแทน
มิว
ศุภศิษฏิ์ : (ยิ้ม) ใช่ครับ แล้วเวลาที่ ปาป๊า
อ่านหนังสือพิมพ์เขาก็จะแคปรูปจากหนังสือพิมพ์มาให้ดูทุกวันเลยครับ
ถาม
แต่ต้องบอกว่า มิว
นอกจากจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองแล้วเขายังขยันไม่หยุดด้วยเพราะล่าสุดได้เปิด
มิวศุภศิษฏิ์ สตูดิโอ
มิว
ศุภศิษฏิ์ : ตัวสตูดิโอถ้าของไทยค่อนข้างใหม่ในตัวคอนเซ็ปต์
แต่ถ้าต่างชาติมีคอนเซ็ปต์นี้มาสักพักหนึ่งแล้ว อย่างเราเป็นนักร้อง
นักแสดงฟรีแลนซ์แล้วก็มีค่ายเป็นของตัวเอง ในสตูดิโอเราก็จะมีอยู่ครบเลยครับ
ทีมโปรดักชั่น ทีมมาร์เก็ตติ้ง ทีมพีอาร์รวมอยู่ในนี้หมดเลยซึ่งให้เราสามารถเข้าไปดูงานต่างๆได้เองด้วยครับ
ซึ่งที่ผมสทำอันนี้ขึ้นมาคือเพื่อซัพพอร์ตงานของผม
โดยที่ใช้ตัวผมเองเป็นตัวทดลองก่อนว่าโมเดลนี้เป้นยังไงบ้าง
ซึ่งทำแล้วก็โอเคมากเลยเลยคิดว่าในอนาคตจะหาศิลปินมาร่วมในค่ายด้วยครับ
ถาม
และล่าสุด มิว ก็ได้ปล่อยผลงานเพลงของตัวเองออกมาแล้ว
และก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมากๆ
มิว ศุภศิษฏิ์ : คือคสามฝันของผมอยากมีคอนเสิร์ตใหญ่แล้วก็มีแฟนๆเต็มฮอลล์เลยแล้วก็มาร้องเพลงให้ผมฟัง ก็เลยคิดว่าการที่เรามีคอนเสิร์ตใหญ่ๆได้เราต้องมีหลายเพลงก่อนเราคงไม่สามารถมีแค่สองเพลงได้ ซึ่งในปีนี้แพลนไว้แล้วครับ จะปล่อยอัลบั้มเต็มซึ่งมีทั้งหมด10เพลงแล้วก็หลังจากนั้นสถานการณ์ดีขึ้นก็อาจจะจัดคอนเสิร์ตขึ้นมาครับ อย่างเพลงที่ปล่อยออกมาล่าสุดที่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา นั้นนา ดนตรีจะมีความเป็นเฟสติวัล จิงเกิ้ลสตาร์เยอะๆสามารถโยกได้หน่อยๆตัวเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องของขวัญการที่เรามีคนคนหนึ่งอยู่ข้างๆเหมือนเราได้ของขวัญมาทุกปีแล้วแล้วก็อยากให้เขาอยู่ข้างๆเราไปตลอด เป็นเพลงที่ทำมาเพื่อแฟนๆคำว่า นั้นนา ผมอยากได้คำคำหนึ่งที่ใช้แทนคำว่า I LOVE YOU ได้แล้วให้ดูน่ารักด้วยเลยใช้คำว่า นั้นนา ครับ
Copyright