นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของนักแสดงสาวแตงโม นิดา พร้อมทนายความเข้ารับฟังการชี้แจงผลชันสูตรศพแตงโม นิดา ของทีมแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ

โดยหลังจากเข้ารับฟังคำชี้แจงนานเกือบ 3 ชั่วโมงแม่แตงโมเปิดเผยว่า หลังฟังคำชี้แจง ก็เชื่อมั่นในตำรวจ และรู้สึกสบายใจขึ้นมาก ไม่คาใจประเด็นชันสูตรแล้ว แต่ยังติดใจเรื่องคำให้การของคนทั้ง 5 คนบนเรือ โดยเฉพาะกระติก เพราะที่ผ่านมามีการโกหก ตำรวจต้องเรียกทั้ง 5 คนมาสอบปากคำอีก

ด้านนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความที่ปรึกษา เปิดเผยว่า ส่วนของนิติเวช แพทย์ได้ตอบทุกคำถามแล้ว โดยเฉพาะประเด็นฟันหัก การถูกตีที่ศีรษะ บาดแผลต่างๆ ไม่พบร่องรอยฟันหัก ไม่มีร่องรอยการทำร้ายร่างกาย โดยบาดแผลที่ขาไม่มีลึกไปถึงกระดูก เป็นเพียงเส้นเอ็น และเกิดจากของมีคม แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากสิ่งใด เป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนเสียชีวิต แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดบนเรือ หรือหลังตกเรือ ส่วนการเน่าเปื่อย ตาถลน ลิ้นจุกปากเป็นไปตามปกติ

ส่วนของการสืบสวนสอบสวน มีคณะตำรวจชั้นผู้ใหญ่ชี้แจงว่าได้สอบปากคำพยานไปเกือบ 100 ปาก กล้องวงจรปิดอีกจำนวนมาก และคลิปต่างๆ ในโซเชียล ตำรวจก็ตรวจสอบทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่นคลิปวงจรปิดที่บอกว่ามีการดึงผม หรือตีศีรษะกันบนเรือ ก็เป็นวงจรปิดหลังจากแตงโมตกเรือไปแล้ว จึงไม่ใช่ความจริง ซึ่งคลิปทั้งหมดตำรวจเตรียมนำไปใช้เทคนิคเพิ่มความคมชัด เพื่อให้หลักฐานมีความชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ภาพที่หลุดรอดออกไปทางโซเชียล เป็นภาพขณะที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดศพ ทำให้มีเศษต่างๆ ติดตามร่างกาย คล้ายรอยฟกช้ำ หรือบาดแผลต่างๆ แต่ในกระบวนการชันสูตร แพทย์ได้ทำความสะอาดและลอกผิวหนังบางส่วนออก จะทำให้เห็นชัดเจนว่าไม่มีร่อยรอยบาดแผลถูกทำร้ายตามที่มีประเด็นดราม่าในโซเชียล ดังนั้นข่าวที่แชร์กันจึงไม่เป็นความจริง

ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ ตำรวจอยู่ระหว่างการรอผลนิติวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐานอีกกว่า 19 รายการ และหากมีพยานหลักฐานไปถึงใครบนเรือก็จะแจ้งข้อหาเพิ่ม แต่ปัจจุบันยังไม่มีการสรุปคดี ซึ่งตำรวจชี้แจงว่าทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือแล้ว และไม่ได้เชื่อปากคำของบุคคลบนเรือทั้งหมด แต่เน้นพยานหลักฐาน ซึ่งยังไม่มีประเด็นเรื่องของการทำร้ายร่างกาย ส่วนประเด็นเรื่องการนั่งปัสสาวะนั้น ยังไม่ขอลงรายละเอียด เพราะเป็นรายละเอียดในสำนวน

อย่างไรก็ตามแม่แตงโมยังจะเดินหน้ายื่นเรื่องให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมชันสูตรศพรอบ 2 เพื่อความโปร่งใส และไขข้อข้องใจของสังคม หากผลตรงกันก็ไม่มีปัญหา แต่หากไม่ตรงกัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าศาลจะพิจารณาผลตรวจของที่ใด