วาไรตี้ 2022-04-15 16:58:06 732

เรียกว่าสาดความหวานไม่หยุดสำหรับ พระเอกสายเกรียน "บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์" ที่ช่วงนี้อินเลิฟหนักมาก ล่าสุดเปิดใจสัมภาษณ์ในรายการ WOODY INTERVIEW ถึงความคลั่งรักครั้งนี้ ว่าเมื่อไหร่กันนะถึงจะใช้คำว่าแฟน ลั่น! ผมหวงแหนเขามาก พร้อมเล่าถึงวีรกรรมระหว่างคุณแม่แท้จริงแล้วเป็นคนดื้อกับแม่หนักมาก ซึ่งหลายคนอาจยังไม่เคยรู้  


เรื่องความรักคุยกันหรือยังว่าเมื่อไหร่จะเรียกว่าแฟน ?

บอย ปกรณ์ : ถ้า ณ วันนี้พูดแบบตรงๆ ไม่ได้ตอบแบบดารา ยังไม่ได้เป็นแฟน ยังอยู่ในฐานะคนคุยกัน สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ คำว่าแฟนมันก็เป็นคำหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์มีการขยับมากขึ้น เดี๋ยวรอถึงจังหวะหรือเวลาที่มันเหมาะสม ซึ่งบางทีเราก็บอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ แต่มันเป็นเรื่องของความรู้สึก และก็เป็นความรู้สึกของทั้ง 2 ฝ่ายด้วย มีความรู้สึกที่มีให้กันมากถึงจุดที่ว่าตกลงเป็นแฟนกันได้ วันนั้นก็จะเกิดขึ้นเองโดยที่เราไม่ต้องไปกะเกณฑ์มัน ถ้าเมื่อไหร่เขายอมเป็นแฟนผม ผมก็ไม่ปิด ผมไม่กั๊ก อาจจะไม่ได้ถึงป่าวประกาศแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมเป็นแฟนแล้ว มีคนถามผมก็ตอบ


คุณถามเขาบ่อยไหมว่าเมื่อไหร่เราจะเป็นแฟนกัน ?

บอย ปกรณ์ : ไม่ได้ถามในแนวนั้นว่าเมื่อไหร่จะเป็นแฟน เราคุยกันยังงี้ไปสักประมาณกี่เดือนเราถึงจะขยับเป็นแฟนกันเหรอประมาณนี้ แต่ว่าไม่ได้ถามในเชิงที่ไปกดดันเขา ถามความคิดเห็นคุยกัน


 โมเมนต์ไหนที่เรารู้สึกไม่เคยสัมผัสอะไรแบบนี้จากมนุษย์อีกคนหนึ่งมาก่อน แต่เราได้จากเขา ?

บอย ปกรณ์ : ความเอาใจใส่ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างแคร์ความรู้สึกคนเยอะเหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมีให้เขามากๆ ก็คือ ผมมีความรู้สึกหวงแหนเขามาก พูดความรู้สึกยากนะ ความหวงแหนมันแสดงเป็นท่าทางคือแบบโอ๋ (ทำท่าทางกอด) ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเราจะรู้สึกเป็นห่วงเขา เอ็นดูเขา อยากดูแลเขา สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขในการได้รู้จักเขาก็คือ เราคุยกันลงตัวมากๆ อยู่ด้วยแล้วเรามีความสุข อาจจะเป็นด้วยวัยที่เขาเด็กกว่าเรา 8 ปี เหมือนกับเราได้เจอความสดใสจากเขาด้วย แต่ในความสดใสนั้นก็มีความเป็นผู้ใหญ่ที่คุยกับเรารู้เรื่องด้วย


เขาเติมเต็มอะไรให้ตัวคุณ ?

บอย ปกรณ์ : แค่ว่านั่งอยู่ข้างๆ เรา เวลาเราขับรถ แค่ว่ามีคนที่เราโทรหาตอนกลางคืน แค่ว่ามีคนที่นั่งจับมือดูหนังกับเรา แค่นี้ก็โคตรเติมเต็มให้ผมแล้ว (ยิ้ม) เพราะผมอยู่คนเดียวมานานพี่วู้ดดี้ ผมใช้ชีวิตคนเดียวมานานเอาอย่างงี้ ผมเป็นบุคลิกของคนติดแฟน


หน้าคุณสดใสมากและมีความสุขมากคุณรู้ตัวหรือเปล่า ?

บอย ปกรณ์ : เหรอครับ (หัวเราะ) แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบเขามากๆ เลย เขาเป็นคนรักครอบครัวมากๆ


เขาบอกไหมว่าชอบอะไรในตัวคุณ ?

บอย ปกรณ์ : ผมดูแลเขาดีมากๆ เขาพูดคำนี้บ่อยๆ


 สิ่งที่ทำให้เราหัวใจพองโต ?

บอย ปกรณ์ : ผมแค่ภูมิใจที่ทำให้แม่ผมสบายใจว่าผมมีวันนี้ได้เท่านั้นเอง เขาไม่ต้องห่วงผมมากละ เขารู้ว่าเราดูแลตัวเองได้ ถ้าไม่นับพ่อที่เสียไปแล้ว แม่ก็คือคนที่มีอิทธิพลในชีวิตกับผมในทุกๆ ด้าน ทุกวันนี้ผมทำงานสร้างตัวเอง เลี้ยงดูตัวเอง เลี้ยงดูครอบครัวก็อยากให้แม่สบายใจ สุขภาพเป็นสิ่งที่ห่วงแม่ที่สุด เคยเผลอไปบ้างก็คือเรื่องใจของเขา


 คือยังไง ?

บอย ปกรณ์ : ผมคือลูกน้อยของเขาเสมอ เขาจะเป็นห่วงเป็นใยดูแลเรา จนบางทีเรามองข้ามจุดเล็กๆ น้อยๆ ไป ว่าสิ่งที่เขาทำให้ แล้วเราปฎิเสธไม่เอา เขาเสียใจมาก เราสนใจอยู่แค่ว่าเราทำงานเพื่อครอบครัว ทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ทำงานเพื่อให้เขารู้ว่าเราดูแลตัวเองได้ให้เขาไม่เป็นห่วง แต่ว่าเราทำงานมากเกินไปจนเราลืมดูแลใจเขาไป ว่าเขาอยู่บ้าน เขาอยู่คนเดียวนะ สิ่งหนึ่งที่จุดประกาย ทำให้ผมรู้สึกว่า หรือเป็นเพราะว่าเราเป็นเราเป็นลูกผู้ชาย เราเลยไม่เข้าใจหัวใจของผู้หญิงเลย คือมีอยู่ช่วงหนึ่งที่แม่ผมชอบทำผักปั่นให้กินมากๆ คือไม่อร่อยเลย กึ่งๆ บังคับ เราก็จะแบบโอ๊ยแม่ไม่กินได้ไหม ไม่เอา สำหรับเราก็แค่รู้สึกว่าเราดื้อในฐานะที่แบบก็แค่ไม่กินเอง เขาก็พูดขึ้นมาว่าทำไมไม่รับน้ำใจเขาไปเลย หนักมากสำหรับผม จุกนะทำไมไม่รับใจของเขาไป แล้วเราก็ค่อยๆ กลับมานั่งคิดว่าตอนที่ทำให้เขาตั้งใจทำให้ คนมักจะเห็นว่า บอย ปกรณ์ รักแม่ ผมรักแม่จริงๆ แต่ว่าสิ่งที่คนไม่เห็นอีกมุมหนึ่งคือ ผมดื้อกับแม่มาก ชอบขัดใจแม่โดยที่แบบไม่คิดถึงจิตใจแม่ในบางจังหวะที่ไม่รู้ตัว แต่ก่อนเป็นเยอะมาก ทุกวันนี้ผมแทบไม่ค่อยเถียงแม่แล้ว เรารู้แล้วว่าคือเถียงไปก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างเรากับแม่ สุดท้ายยังไงแล้วลูกก็ไม่ควรเถียงแม่ กับแม่กับคนที่เป็นบุพการีของเราไม่ต้องมีเหตุผลกับเขาเยอะ


สตูดิโอที่สร้างเพื่อคุณแม่ กว่าจะมีวันนี้ต้องเตรียมการเยอะไหม เพราะค่อนข้างใหญ่พอสมควร ?

บอย ปกรณ์ : เยอะ หลายคนก็จะชอบถามว่าทำไมชื่อสตูดิโอคุณแม่ เพราะว่ามันคือความฝันของแม่ผม เป็นสิริมงคลของพวกผม สำหรับผมแล้วอะไรที่มีเกี่ยวกับคุณแม่เป็นเรื่องที่ดีทั้งหมดครับ


รูปภาพเพิ่มเติม