หลังตำรวจแถลงสรุปคดี แตงโม นิดา มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการสรุปคดีที่อาจไม่ตรงใจของใครหลายคน แต่ทางตำรวจยืนยันจากพยานหลักฐานว่า เป็นอุบัติเหตุ เกิดจากความประมาท
ล่าสุดพล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการถกไม่เถียง ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ หลังจากที่ตำรวจได้มีการแถลงสรุปคดีแตงโม และเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เผยว่า คดีแตงโมตกเรือนั้น ทางตำรวจไม่มีการพูดว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นเรื่องของการประมาทจนเป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิต แต่ประมาทอย่างไรนั้น พูดไม่ได้
เรื่องภาพตำแหน่งการยืนของคนบนเรือในช่วงเวลาเดียวกันที่นายอัจฉริยะเอามาเปิดซึ่งไม่ตรงกับทางตำรวจนั้น ตนไม่ยืนยันที่มาของภาพที่นายอัจฉริยะนำมาเผยแพร่ ส่วนภาพที่ทางตำรวจแสดงให้ดูนั้น ได้รับการยืนยันจากทางการ ก่อนจะวิเคราะห์ว่าใครเป็นใคร อยู่ตรงไหน ต้องวิเคราะห์จากเหตุผล จากพยานหลักฐานหลายๆอย่าง เช่นคลิป ภาพจากบุคคลก่อนหน้านั้น คลิปจากคนละแวกใกล้เคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งดีเอ็นเอบนเรือ ก่อนหน้าเกิดอะไรขึ้น เรามีหลักฐานทั้งก่อนและหลัง เพราะเราเชื่อว่าน่าจะเป็นเเบบนี้ เเต่เราเชื่อบนพื้นฐานจากพยานหลักฐานที่เรามี กว่าจะมาสรุปได้ว่าตำแหน่งต่างๆ เป็นของใคร ทั้งก่อนหน้ามีอะไรเกิดขึ้น ตอนหลังมีอะไรเกิดขึ้น พบหลักฐานว่ามีใครอยู่ตรงจุดไหนบ้าง โดยเอาหลักฐานต่างๆ มาวิเคราะห์ร่วมกัน ทั้งคลิป ทั้งภาพนิ่ง ทั้งการสื่อสารของคนบนเรือ และดีเอ็นเอ อันนี้คือหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยมีผู้ชำนาญการสารพัดผู้เชี่ยวชาญที่มาร่วมวิเคราะห์ด้วย ถ้าตนเอาคนที่พิสูจน์ได้แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่มาดำเนินการ ศาลที่ไหนจะรับฟัง เราสันนิษฐานจากพยานหลักฐานต่างๆ มาประกอบด้วย ทั้งพยานแวดล้อม สัญญาณจีพีเอส คำให้การณ์ พยาน ผู้เชียวชาญ ดังนั้นไม่สามารถฟันธงจากคลิปอันเดียวได้เลย
สำหรับเรื่องบาดแผลของ แตงโม นิดา ที่มีการวิเคราะห์ว่าเป็นการตกจากท้ายเรือนั้น พล.ต.ต.ยิ่งยศ เผยว่า มันมีทั้งความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้ ทางตำรวจมีการใช้ทีมงานหลายทีมมาวิเคราะห์ร่วมกัน ร่วมกับงานวิจัย case study จากต่างประเทศ แต่ก็เอาไปวิเคราะห์กับพยานแวดล้อมอย่างอื่นด้วย ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุมีคนบนเรือโทรหาพรรคพวก ว่าแตงโมตกลงตรงนี้ เวลานี้ ซึ่งมีประวัติการโทรเมื่อเวลา 22.30 น. ต่อมาอีก 10 นาทีกว่าๆ มีการโทรขอความช่วยเหลือ หลังจากพยายามวนเรือหากันเอง แต่ทางตำรวจก็ไม่ได้เชื่อตามคำให้การของเขา แต่ได้มีการทดสอบสิ่งที่เกิดขึ้นจากความน่าจะเป็น ประกอบกับคำให้การ พยานแวดล้อม หลักฐานอื่นๆ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ดู case study จากต่างประเทศหลายเคส จึงสรุปออกมาเป็นความน่าจะเอ็นในลักษณะนี้ เรื่องบาดแผลที่มีลักษณะเป็นรอยตัดจนถึงเอ็น จนทำให้ไม่สามารถงอขาช่วยเหลือตัวเองได้ เป็นรอยแผลขนาดใหญ่ คุณหมอที่มาร่วมวิเคราะห์บอกว่า ถ้ามีบาดแผลในลักษณะนี้ ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย เนื่องจากบาดแผลมีความสาหัสอย่างมาก แตงโม ไม่สามารถตะเกียกตะกายได้ หลักฐานมีทั้งทำให้เห็นด้วยและเห็นต่าง แต่ไม่สามารถเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ต้องนำน้ำหนักพยานมาชั่ง ว่าอันไหนเชื่อได้มากกว่ากัน เพื่อหาความเป็นไปได้ที่มากที่สุด จากพยานหลักฐานทั้งหมด เราเชื่อว่าตกท้ายเรือ
ประเด็นเส้นผมที่เจอบนเรือ มีการเก็บได้มากกว่า 3 เส้น แต่มีเพียง 3 เส้น ที่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นของ แตงโม ส่วนที่เหลือไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากไม่มีรากผม หลังเกิดเหตุแรกๆ ที่ไม่พบเส้นผม เพราะอาจมีการหลบตัวเนื่องจากเส้นผมเปียกอาจไปติดตามซอกหลืบ ทำให้ไม่สามารถหาเจอได้ ส่วนที่มีการตรวจเรือถึง 4 ครั้งนั้น ตรวจครั้งที่ 1 เพราะมีคนแจ้งว่ามีคนตกเรือ เป็นการตรวจเพื่อพิสูจน์ว่าเรือลำนี้เป็นเรือลำที่เกิดเหตุจริงไหม หลังจากสอบปากคำแล้ว จึงนำมาสู่การตรวจครั้งที่ 2 เพราะว่ามีคนบอกว่าแตงโมจะไปปัสสาวะท้ายเรือ จึงไปตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าห้องน้ำใช้ไม่ได้จริงไหม ตรวจครั้งที่ 3 ศพแตงโมมีบาดแผล จึงไปตรวจเรืออีกครั้งเพื่อหาร่องรอยการทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นการตรวจตอนกลางคืน เพื่อดูคราบเลือด ว่ามีร่องรอยการทำร้ายร่างกายกันจริงหรือเปล่า และครั้งที่ 4 แพทย์ลงความเห็นว่า แผลเกิดจากของมีคม จึงไปตรวจว่าของมีคมอะไรบ้างที่เข้ากับบาดแผล เป็นการตรวจแบบละเอียด จึงไปพบเข้ากับเส้นผมที่ซ่อนอยู่บริเวณซอกหลืบของเรือ ส่วนตัวดูว่า ยังไงก็มองไม่เห็น ยังไงก็ต้องขยายดูถึงจะเห็นได้ชัดเจน และที่เจอเส้นผมในครั้งที่ 4 นั้น มันมีความเป็นไปได้ว่าสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ทำให้เส้นผมที่เคยซ่อนตัวอยู่อาจจะถูกเปลี่ยนลักษณะทางกายภาพ ทำให้สามารถหาได้ง่ายมากกว่าในครั้งแรกๆ ซึ่งการตรวจพบเส้นผมช้า อาจจะทำให้น้ำหนักพยานหลักฐานลดน้อยลง แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของคดีได้
ประเด็นบาดแผลของแตงโม ทางตำรวจได้มีการตรวจบนเรือแล้ว ไม่พบว่ามีคราบเลือดบนเรือ มีการตรวจใบพัดเรือ ใน วันที่ตรวจครั้งที่ 4 เพื่อไปตรวจว่าใบพัดกับแผลเข้ากันได้ไหม พบว่ามีโอกาสเข้ากันได้ แต่ใบพัดแช่อยู่ในน้ำนาน อาจเกิดการชะล้าง มีความเป็นไปได้ที่จะตรวจไม่พบ DNA ของแตงโม ที่ขาของแตงโม มีเศษของใบพัดหรือไม่ ไม่สามารถยืนยันได้ ใบพัดแข็งแรงมาก เป็นเหล็กกล้า สนิมยังไม่เป็นเลย โดยส่วนตัวจึงคิดว่าไม่น่าจะมีเศษใบพัดอยู่ในแผลแตงโม เพราะใบพัดแข็งแรงมาก แต่เมื่อตรวจลักษณะบาดแผลของแตงโมกับใบพัดพบว่ามีความเข้ากันได้ ซึ่งคำยืนยันของแพทย์ต้องนำไปยืนยันในชั้นศาล
การตรวจหาคราบเลือดเราใช้เทคนิคพิเศษ ซึ่งการตรวจด้วยเทคนิคแบบนี้ ถ้ามีคราบเลือดจริง แม้จะทิ้งไปเป็นเดือนยังตรวจเจอ ต้องตรวจในที่แสงสว่างน้อยเพื่อให้เกิดแสงสะท้อนขึ้นมา ไม่พบคราบเลือดใดๆ จึงเชื่อว่าไม่มีการทำร้ายร่างกาย มีการตรวจหาคราบปัสสาวะ ก็ไม่พบอะไร เพราะคิดว่าน้ำอาจจะทำให้คราบปัสสาวะหายไปหมดแล้ว
ส่วนการตรวจหาแอลกอฮอล์ ตรวจไม่พบเพราะเนื่องจากว่า ผู้ต้องหามีการบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยง และยังไม่มีการแจ้งข้อหา มีเพียงการเรียกเข้ามาเพื่อให้ปากคำเฉยๆ ซึ่งตอนแรกมีคนยินยอมให้ตรวจ 3 คน ส่วน แซน และ กระติก ไม่ยินยอมในตอนแรก แต่สุดท้ายกระติกก็มาตรวจ แต่เนื่องจากได้ผ่านมาเป็นเวลาหลายวันเเล้วจึงตรวจไม่พบ ภายหลังมาพบหลักฐาน แก้วไวน์ ขวดไวน์ มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเมา ประกอบกับมีคนให้คำแนะนำว่าอย่าเพิ่งไปพบตำรวจ สำหรับบาดแผลฟกช้ำของคนบนเรือ มีการตรวจร่างกาย ตรวจเสื้อผ้า แต่ไม่ได้เป็นแผลที่เกิดจากการทำร้ายร่างกายกัน แต่จะเกิดจากอะไรตนไม่ทราบ แต่ยืนยันได้ว่าไม่ได้เกิดจากการทำร้ายร่างกายแน่นอน
พล.ต.ต.ยิ่งยศ พูดถึงประเด็นที่ไม่มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไปร่วมแถลงสรุปคดีว่า ผบ.ภาค 1 ก็เป็นผู้ใหญ่ เป็น พลตำรวจโท ปีหน้าก็จะเกษียณอยู่แล้ว ยังไม่ผู้ใหญ่พอเหรอ ภาวะผู้นำก็เป็นผู้ใหญ่พอแล้ว ที่สำคัญเหตุการณ์นี้ เป็นแผนเฉพาะกิจ ซึ่งเรามอบอำนาจให้พื้นที่จัดการอยู่แล้ว ดังนั้นตนจึงมีหน้าที่มาช่วยเเบ่งเบาภาระท่าน ส่วนเรื่องที่ตำรวจมีการบอกว่าจะฟ้องคนที่พูดวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คดีนี้นั้น ยืนยันว่า ทุกคนมีสิทธิวิจารณ์ได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายในทางคดี หรือทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ หรือทำให้ใครเดือดร้อน หรือโดนดูหมิ่นเกลียดชัง ดังนั้นเขาจึงต้องออกมาปกป้องสิทธิของตัวเอง ที่จะไปแจ้งความประชาชนทั่วไป คนหิวแสง บอกไม่ได้ตอนนี้ เพราะตำรวจภูธรภาค 1 เป็นผู้ดำเนินการ
ประเด็นเรื่องการเก็บเรือซึ่งเป็นพยานวัตถุ เนื่องจากอู่เก็บเรือนั้นไม่มีผู้ต้องหาเป็นเจ้าของ ได้รับการยืนยันจากพนักงานสอบสวน เหตุที่ไม่ย้ายเรือไปเก็บที่อื่นเพราะการเคลื่อนย้ายวัตถุพยาน มันอาจทำให้หลักฐานบนเรือเกิดการสูญหายไปได้การที่เรือให้อยู่นิ่งที่สุดน่าจะเป็นการเก็บรักษาวัตถุพยานที่ดีที่สุด หลักจากตรวจครั้งที่ 1 ถือว่าเป็นการตรวจอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว การเก็บเรืออย่างไรหลังจากการตรวจครั้งที่ 1 จะเก็บเรือไว้ที่ไหนอย่างไรก็คงไม่ต่างกันมาก และเจ้าของอู่ต้องมีส่วมร่วมในการดูแลรักษาเรือด้วยเพราะถ้าเกิดอะไรกับหลักฐาน เจ้าของอู่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย ส่วนเรื่องที่เจ้าของอู่เรือกับผู้เชี่ยวชาญ GPS รู้จักกันไหมนั้นบอกไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องในสำนวน
พล.ต.ต.ยิ่งยศ ตอบเรื่องกระโปรงสีขาวของแตงโม ว่า หาทุกวิธีก็หาไม่เจอ ซึ่งผ้าชิ้นเดียวอาจมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะไหลไปตามกระแสน้ำรึเปล่า แต่ตนคงไม่ยืนยันว่าเป็นแบบนั้นจริงไหม เเต่ถ้ามันมีจริงมันคงเจอไปหลายวันเเล้ว นี่ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้ว เป็นไปได้ว่าอาจจะสูญสลายไปแล้ว ส่วนเรื่องทรายในปอด ผลการชันสูตร ตนไม่ทราบ ไม่อาจทราบได้ เนื่องจากไม่เป็นที่เปิดเผย ตำรวจทำหน้าที่ตามพยานหลักฐานที่มีเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่เรามีเราสิ้นสงสัยในคดี เนื่องจากเรามีพยานหลักฐานครบถ้วนเเล้ว และจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอัยการต่อไป
ทั้งนี้ อยากบอกกับสังคมว่า ตำรวจทำตามหน้าที่ ตามวิชาชีพ การจะดำเนินการใดๆจะใช้ความเชื่ออย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้เหตุผลและพยานหลักฐานประกอบด้วย
Copyright