ณวัฒน์ อิสรไกรศีล เจ้าของเวทีการประกวด มิสแกรนด์ หลังจากมีข่าวเรื่องราวดราม่ากับ อิงฟ้า วราหะ

โดยเมื่อวันที่ 22 ก.ย. ณวัฒน์ ได้เรียก อิงฟ้า และทีมงานเข้าที่ประชุม และมีการพูดคุยกันนานกว่า 3 ชม. และได้มีการออกมาไลฟ์สดแถลงข้อสรุปทั้งหมดในเวลา 21.00น. ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดนบอส ณวัฒน์ เผยว่า

"วันนี้เข้าประชุมกับ อิงฟ้า และพนักงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คุยประเด็นที่เรามีปัญหากัน มันมีอารมณ์ที่แปรปรวน ผิดหวัง คิดว่าจะแก้ปัญหายังไง ทำอย่างไร ที่จะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ตลอด 3 ชม. เศษๆ ก็ได้ข้อสรุป จากการพูดคุยวันนี้ ยอมรับว่าเครียด มันหลายความรู้สึก เราคุยเรื่องสัญญา สิทธิ หน้าที่ต้องทำอะไรกันบ้าง”

"สิ่งหนึ่งที่น้องยอมรับ คือ ยอมรับว่าเกิดขึ้นจริง ไปสิงคโปร์กับพี่สาว และ ต.น. จริง เราต้องยอมรับในสิ่งที่เกิด สิ่งที่ผิดพลาด เราได้รับการตอบรับที่ดีจากน้อง น้องยอมรับทั้งหมด รวมถึงไปอุดร ไปแก้บน ต.น. ก็ไปด้วย”

 "เหตุการณ์ที่เรารู้สึกว่าเสถียรภาพของน้องดูควบคุมยาก ก็คือปัจจัยของคนรอบข้าง คือญาติ และ ต.น. ซึ่งก็ต้องยอมรับ เรามีการเคลียร์เรื่องเหนื่อย และคำบางคำ น้องยอมรับในข้อผิดพลาด สิ่งที่เรามีข้อตกลงร่วมกันคือ ถามว่าคบกันจริงไหม คุยกันจริงครับ ไปสิงคโปร์ด้วยกันจริง ต.น. พยายามทุกอย่างจริง เราดุในเรื่องของระเบียบวินัย มันเกิดขึ้นได้กับคนมีชื่อเสียง ที่มีคนเข้ามาแบบถาโถม”

"สิ่งที่รีเควส เรื่องงอแง เรื่องพักผ่อนไม่พอ เลยเคลียร์กันใหม่ 1. เรื่องของคนใกล้ชิด ขอให้คุยเรื่องเฉพาะเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงาน น้องก็รับปาก 2. เรื่องเงินบริจาค ให้ไปปรับปรุงเพื่อความปลอดภัย อยากให้ทุกคนในด้อมรู้สึกดี และต้องเรียกตรวจสอบได้ ทุกเวลา 3. เรื่อง ต.น. ตัวผมเองบอกเต็มร้อยว่า ผมไม่เห็นด้วย ไม่ต้องการให้เกิด ผมคุยในฐานะผู้ปกครอง และเจ้านาย ให้ข้อคิดไปว่า ลัคกี้อินเกม ไม่ลัคกี้อินเลิฟ และให้เหตุผล อธิบายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ต.น. ได้รับทราบบางส่วน น้องรับปากว่า จะตอบสนอง ค่อยๆเป็นค่อยๆไป และจะค่อยๆดีขึ้น”

"เรื่องคนชื่อซัน ต้องไม่โกหก เพราะการไม่ยอมพูด เท่ากับองค์กรจะไม่รู้อะไร ถ้าทำให้ได้ ก็สามารถมาช่วยกันได้ ถ้าโกหกอีก ก็จะถือว่ามีความผิด และไม่มีโอกาสอีก เรื่อง ต.น. ผมก็เข้าใจในหลายๆอย่าง มันไม่ได้ไปไกล เราเชื่อว่า น้องจะกลับมาได้เร็วที่สุด เรามีเหตุผลให้น้อง นำไปพิจารณาว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร ผมขอความร่วมมือน้อง ไม่โพสต์อะไรที่เป็นลักษณะของอารมณ์มากเกินไป ซึ่งน้องก็รับปาก" 

“ผมถามน้องว่า จะไปต่อหรือพอแค่นี้ น้องขอโอกาสที่จะไปต่อ ซึ่งในที่ประชุมก็โอเค แต่มีเงื่อนไข น้องขอปรับตัว และจะไม่พูดเรื่องเก่าอีกแล้ว การที่ออกพูด เพื่อการพัฒนาองค์กร และตัวน้องเอง น้องต้องยอมปรับสภาพตัวเอง นับจากนี้ น้องจะขึ้นตรงกับผมโดยตรง จากนี้เป็นต้นไปไม่ว่าจะทำอะไรต้องส่งไลน์มาบอกผมก่อนที่จะทำอะไร ผมต้องดูแลน้องคนเดียวในทุกเรื่อง ไประยะหนึ่ง น่าจะสักครึ่งปี ฉะนั้นผมจะต้องรู้ว่าน้องทำอะไร ที่ไหน อยู่กับใคร ถ้ามีอะไรผิดปกติต้องแจ้ง เพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาดซ้ำซาก”

“ในส่วนการรับงาน ดูแลคิวงาน การขายงาน เปลี่ยนทั้งทีม นี่คือผลของการกระทำของน้องที่ทำให้มันเกิดขึ้น ใครที่ติดต่องานเบอร์เดิม แต่ไม่ใช่คุณแวง แต่จะมีอีกคนรับสาย และผมเป็นผู้บังคับบัญชาอยู่ข้างบนทั้งหมด เพื่อให้น้องเห็นว่า อะไรที่น้องจะต้องยอม" 

"จากการที่มีการหมิ่นเหม่ สุ่มเสี่ยงในการรับงาน เรามีการลงโทษคนที่เกี่ยวข้องแล้ว เรื่องของสุขภาพ พรุ่งนี้จะพาน้องไปตรวจสุขภาพ มันเป็นเรื่องที่เราจะต้องดูแล พรุ่งนี้ช่วงเช้า เลขาผมจะจัดการ เรื่องของการซ้อมต้องยอมรับว่ามันยังไม่จริงจัง แต่ครูจะเริ่มซ้อมวันพรุ่งนี้อย่างจริงจัง ไปยาวๆ คิวงานเรายกเลิก ไม่มีอะไรแล้ว นอกจากงานรับรางวัล”

"วันนี้จนถึงประกวดไม่อยากให้น้องไปไหนที่สุ่มเสียง ผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับสภาพ เปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยน ถ้าลัคกี้อินเลิฟตอนนี้ มันจะไม่ลัคกี้อินเกม และเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด น้องก็รับปาก คนไหนไม่เกี่ยวให้ถอยไป ส่วนของ ต.น. น้องก็รับปากในระดับหนึ่ง ฝากด้อมถ้ารักน้องอะไรไม่ถูกติได้ น้องยังเป็นตัวแทนคนไทยในการไปอินโดนีเซียครับ" 

“เรื่องซีรีส์ ชาล็อต ก็บอกว่ารอพี่ฟ้าได้ นี่คุณแม่โทรเข้ามานับครั้งไม่ถ้วน ผมก็เข้าใจ อิงฟ้าเป็นความสุขของคนไทย และอีกอย่างเป็นห่วงลูกค้า ใครจะมาเดือดร้อนเพราะเรามันก็ไม่ถูก อยากให้ลูกค้ามั่นใจในตัวผม หลังจากนี้การไลฟ์สดของน้องจะลดลง เพื่อให้เปลี่ยนโหมดความคิดบ้าง ถ้าเรื่องไม่ดีมันเกิดขึ้นอีก มันก็จะไปต่อไม่ได้ ถ้ายังมีคนวุ่นวายอีกก็เกินมนุษย์แล้ว คนที่ทำลายอนาคตคน คือคนไม่ดี" 

“ฝากถึง ต.น. ผมยังยืนยันคำเดิม 27 ปี ยังไม่มีชื่อเสียง ทำไมไม่คิดชอบ ตอนนี้ดังแล้ว พุ่งเข้ามาทำไม ไม่เห็นอนาคตของคน สำคัญกว่าสิ่งที่คุณอยากได้ ไม่เกรงใจเจ้าที่บ้างเหรอครับ วงการมันแคบ ถอยได้ก็ควรถอยเร็วๆ รีบกลับไปที่เดิม ยังไม่สายเกินไปนัก”