หลังจากที่ฝั่งของ มารีญา พูลเลิศลาภ ได้ออกมายอมรับว่าตอนนี้ได้ยุติความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่ม สิงห์ วรรณสิงห์ ไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งฝ่ายชายก็ยังไม่เคยออกมาพูดอะไร ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ สิงห์ จะออกมาพูดเรื่องนี้ โดยเจ้าตัวเผยว่า
“สภาพจิตใจตอนนี้กำลังฟื้นฟูครับ ทุกอย่างก็ตามกาลเวลา ถามว่ากี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าตอนนั้นหนึ่งร้อยตอนนี้ก็สิบเปอร์เซ็นต์ ก็โอเคครับ ยังไงก็ต้องฟื้นฟูเดี๋ยวก็ดีขึ้นตามเวลา อยู่กับธรรมชาติก็ช่วยได้เยอะครับ อย่างก่อนหน้านี้ผมมีโอกาสไปเยเมน ซึ่งเป็นเกาะที่ไม่เหมือนที่ไหนบนโลก ก็ตัดมือถือไป 10 วัน ได้อยู่กับสิ่งที่รักเต็มที่ ทะเล ทะเลทราย ต้นไม้ที่ไม่มีที่ไหนบนโลกใบนี้ ก็เลยเป็นนิมิตที่ให้กลับมาทำ เถื่อน Travel เดี๋ยวปีหน้าจะออกเดินทางเยอะมาก คงได้เห็นที่แปลกๆ บนโลกเยอะมาก ตอนนี้ก็กำลังติดต่อไปถ่ายกอริลลาที่คองโกรอดูกันได้”
ได้คุยกับน้องมั้ย?
“จริงๆ ตอนแรกเราก็พยายามที่จะเป็นเพื่อนกันให้ได้ ตอนนี้อาจจะเป็นผมเองที่ขอรักษาระยะแป๊บนึง แล้วก็เดี๋ยวเราก็ตั้งใจว่าถึงจุดนึงที่ทุกอย่างโอเคแล้ว เราก็เป็นเพื่อนกันได้ตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไร เราก็พยายามกลับไปเป็นตัวเองที่เราเป็นมาก่อนช่วงโควิด จริงๆ ก่อนโควิดทุกคนก็เห็นผมไม่ว่าจะมีแฟนหรือไม่มี เราก็จะเดินทางตลอดอยู่แล้ว พอโควิดจบแล้วมีโอกาสได้กลับไปทำสิ่งที่ตัวเองรักอีกครั้ง ค่อยๆ กลับมาทำงานที่เรารักจริงๆ มันก็เป็นทั้งการทำงานด้วย การเยียวยาด้วยไปในตัวพร้อมๆ กัน”
แฟนๆเสียดาย โอกาสจะกลับมาเหมือนเดิมมั้ย?
“คือเรื่องโอกาสที่จะเป็นยังไงได้เหมือนเดิม คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมหรือน้อง แล้วแต่จังหวะชีวิตแต่ละคน พวกเราก็พยายามเต็มที่กันสุดๆ แล้ว ไม่มีใครมีความเสียใจอะไรย้อนหลัง ไม่มีใครโทษกันและกัน ไม่มีใครโกรธกันและกัน เพียงแค่มันเป็นจังหวะชีวิตที่มันไม่ได้จริงๆ แล้วก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น ถ้าวันนึงมันจะกลับมาก็เป็นของมันเองโดยที่เราไม่ต้องไปอะไรมัน แต่ว่าคงไม่กำหนดกันไว้ก่อน ตอนนี้เขาก็โฟกัสชีวิตของเขา ผมก็โฟกัสชีวิตของผม”
ตอนนี้ยังพูดคุยกันอยู่มั้ย?
"การพูดคุยกันถึงจุดหนึ่งครับ แต่ว่าตอนนี้ผมเองก็ขอรักษาระยะนิดนึงเพื่อจะได้หายดี จริงๆ อาจจะไม่ได้เจอแล้วนะ เพราะผมจะอยู่ในป่าเป็นหลักนะ (หัวเราะ) แบบนี้เป็นสิ่งแวดล้อมที่ไม่เคยชิน (หัวเราะ)”
โอเคใช่มั้ยที่มีคนมาถามเรื่องความรัก?
“ก็คงต้องโอเคแหละครับ เพราะว่าเราก็ทำงานตรงนี้ อย่างวันนี้มารับรางวัลตรงนี้ (GQ) ตอนแรกเกือบจะไม่ได้มาแล้ว ตารางเดินทางอาจจะไม่ได้อยู่ประเทศไทยตอนนี้ แต่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย คิดว่าเราก็ทำงานที่เรารักต่อไป ก็มีความตั้งใจว่าเราอยากจะทำเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องขยะเยอะมาก มีโอกาสออกงานใหม่ โอเค พูดเรื่องอื่นก็ได้ ถามเรื่องนี้ก็ได้ แต่ว่าก็อยากพูดเรื่องที่เราแคร์ที่สุดก็คือเรื่องสิ่งแวดล้อมอยู่ดี ซึ่งวันนี้เวทีของ GQ ก็ให้โอกาสได้พูดถึงเรื่องนี้”
เรื่องโดนแฮคทวิตเตอร์?
“ถ้าผมประกาศตรงนี้ทวิตเตอร์ไทยแลนด์จะสนใจไหม ผมยังไม่ได้แอ็กเคานต์คืนเลยครับ (หัวเราะ) คืออยู่ดีๆ ก็มีคนขโมยทวิตเตอร์ผมไปแล้วก็เอาไปขายคริปโต ตอนนี้ทวิตเตอร์ก็แบนว่าเป็นแอ็กเคานต์ปลอม ผมเองก็พยายามแจ้งไปแล้วก็ยังไม่ได้คืน ถ้าทวิตเตอร์เมืองไทยฟังอยู่ก็ช่วยด้วยครับ"
กลัวมั้ยว่าเขาเอาทวิตไปทำอะไร?
"ตอนแรกก็กลัวว่าจะเอาทวิตเตอร์ไปทำอะไร แต่ว่าไปๆ มาๆ เขาไม่ได้ต้องการใช้ชื่อเรา เขาต้องการยอดคนติดตามของเรา จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อเราเป็นอะไรก็ไม่รู้ แล้วก็พยายามส่งข่าวเกี่ยวกับคริปโตให้กับคนที่กดติดตามเรา ตอนนี้ทวิตเตอร์เองก็แบนแอ็กเคานต์ไปแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้คืน"
ได้แจ้งความมั้ย?
“ยังไม่แจ้งความหรือยัง ผมยังไม่ได้แจ้งความเลย แต่ถ้าสมมติไม่ได้แอ็กเคานต์คืนมาก็คงไม่ต้องไปแจ้งความแล้ว ถ้าคิดว่าจะเล่นทวิตเตอร์ต่อก็คงต้องเริ่มใหม่ แต่ว่าเผอิญโชคดีไม่ได้เล่นทวิตเตอร์มานาน ก็ไม่ได้เดือดร้อนเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเฟซบุ๊ก ยูทิวบ์ หรือ ไอจี ที่เกี่ยวกับงานเยอะๆ น่าจะปัญหาหนักกว่านี้ ไม่น่าพูดเลย เดี๋ยวชี้ช่องทางให้เขาไปแฮ็ก อย่าแฮ็กนะครับ (หัวเราะ)”
เสียดายมั้ย?
“ในแง่หนึ่งก็เสียดาย อีกแง่หนึ่งก็เป็นการฝึกจิตใจ ว่าอย่าไปคิดอะไรมากเลยเกี่ยวกับเรื่องโซเชียล ชีวิตนี้เราก็อยู่กับมันเยอะแล้ว ผมเองก็ไม่ใช่วัยเด็กๆ แล้ว 38 แล้ว ก็อยู่ในวัยที่อยากไปทำอะไรที่ไม่ได้อยู่ในโลกออนไลน์ ไม่ต้องอัปอะไรตลอดเวลา ในเมื่อชีวิตเจอแบบนี้เราก็หาบทเรียนจากมัน แล้วก็คิดว่าอย่าไปคิดอะไรมากเลย แต่ถ้าทวิตเตอร์อยากให้คืน ก็เอามาได้นะครับ อยากได้นะครับ”
เป็นคนตั้งใจจะเฟดโซเชียลเพราะเรื่องความรักหรือเปล่า?
“(หัวเราะ) จริงๆ มันไม่ใช่แค่เรื่องที่ผ่านมา อย่างที่บอกอายุก็เยอะแล้ว อยากใช้ชีวิตศึกษาเรื่องที่น่าสนใจของโลกมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัฒนธรรม เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องประเด็นทั่วโลก ทีนี้บางทีเราก็เหมือนทุกคนแหละ อยู่ดีๆ ก็พบว่าเวลาในโซเชียลมันหายไปเยอะมาก อยู่ดีๆ ก็โดนดูดไปไถนั่นไปนี่ หรือแม้กระทั่งคุณค่าของตัวเราเองกลับมาโดนวัดด้วยตัวเลขเหล่านี้เยอะมาก ก็เลยถ้ามีโอกาสได้ลดมันลงไปทั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็น่าจะเป็นเรื่องดีครับ”
Copyright