จากรกณีที่นางร้ายตัวแม่ หนิง ปณิตา เดินหน้าฟ้องมือที่สาม ที่ทำให้ครอบครัวของ หนิง กับสามี จิน จรินทร์ มีปัญหา

ล่าสุดวันนี้(30 พฤษภาคม 65) หนิง ปณิตา ได้เดินทางมาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พร้อมกับ นายพิทักษ์ สุขสมวงศ์ ทนายความส่วนตัว ตามศาลนัดครั้งแรก ในคดีฟ้องละเมิดเรียกค่าเสียหายกับบุคคลที่ 3 แต่วันนี้คู่กรณีไม่ได้เดินทางมาที่ศาล เพื่อรับฟังในการนัดไกล่เกลี่ยครั้งต่อไป

โดย หนิง ได้ให้สัมภาษณ์ หลังใช้เวลาเข้าพบผู้พิพากษากว่า 1 ชั่วโมง เผยว่า 

“หนิงว่าอยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ขอให้รอจนถึงวันที่ไกล่เกลี่ยก่อนแล้วกันค่ะ เพราะจริงๆ แล้ววันนี้นัดจะมีการมาเจรจาพูดคุยกัน แต่ก็ไม่ได้รับการเจรจาพูดคุย ยังไงรอให้มีโอกาสพูดคุยก่อนแล้วกันค่ะ”

“ถามว่าต้องการคำขอโทษยังไง อย่างที่บอกว่ายังไม่ได้มีการเจรจาพูดคุยกัน วันนี้เขาไม่ได้มาค่ะ หนิงก็ยังไม่แน่ใจว่าจะตอบคำถามนี้ยังไงค่ะ ตอนนี้สภาพจิตใจโอเคมาก มีทุกๆ คนโอเคเลย ส่วนสิ่งที่เรายังกังวลอยู่ไม่มีแล้วค่ะ วันนี้ทุกอย่างก็คือมูฟออนค่ะ ตอนนี้มันอยู่ที่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็ต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรมค่ะ”

“ความรู้สึก ณ วันนี้ ได้รับกำลังใจจากทุกคน หนิงโอเค และอย่างที่เห็นหนิงมุ่งมั่นในการทำงาน และมูฟออนทำทุกอย่างให้มันดีที่สุดสำหรับชีวิตของหนิงในอนาคต และชีวิตของลูกหนิงในอนาคตแค่นั้นเลย ส่วนเรื่องที่มันเกิดขึ้นแล้ว วันนี้อย่างที่บอกมีกระบวนการยุติธรรม มีข้อกฎหมาย เราก็ใช้ข้อกฎหมายให้มีประโยชน์ และหนิงก็มีทนายที่เก่งมากๆ ในเรื่องตรงนี้เลย แล้วหนิงก็มั่นใจในเรื่องทนายหนิงมากกับหลักฐานที่หนิงมีอยู่ค่ะ”

“สำหรับความตั้งใจที่จะดำเนินคดีนี้ หนิงรู้สึกว่าปัญหาเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นในสังคมมากมาย คนที่เจ็บปวดคือคนที่เป็นภรรยาหลวงที่ถูกกระทำ ในสังคมไทยมีเยอะมากๆ หนิงอยากให้กฎหมายข้อนี้เป็นที่รู้จักและลุกขึ้นมาใช้กฎหมายข้อนี้ ให้เป็นประโยชน์ดีกว่าใช้วิธีอื่นๆ ที่เห็นกันอยู่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความรุนแรง”

“ถามว่าอยากให้เป็นคดีตัวอย่างมั้ย ไม่ได้คิดขนาดนั้น หนิงแค่คิดในส่วนของหนิงที่คิดแบบนี้ และก็จะเป็นประโยชน์สำหรับอีกหลายๆ ท่านที่หาทางออกไม่ได้”

“ส่วนเรื่องความคืบหน้าการหย่ากับสามี เหมือนเดิมค่ะ และข้อตกลงที่คุยกันไว้ยังเหมือนเดิมทุกประการ เราก็ทำหน้าที่ของการเป็นพ่อและเป็นแม่ของลูกให้ดีที่สุด อันนี้สำคัญที่สุด และหนิงเชื่อว่าทุกครอบครัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวใครก็แล้วแต่ที่มีปัญหา เขาจะมีธงในใจว่าเราสองคนจะมีปัญหากันอย่างไรก็แล้วแต่ เราต้องทำหน้าที่ของพ่อและแม่ให้ดีที่สุด อย่างอื่นหนิงก็ให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมจัดการ”

"มาครั้งนี้หนิงไม่ได้ฟ้องหย่า หนิงฟ้องละเมิดจากบุคคลที่ 3 สำหรับเรื่องการหย่าตรงในเรื่องส่วนตัวของหนิง ขออนุญาตละไว้ก่อน ตอนนี้ขอทำหน้าที่แม่ของลูกให้ดีที่สุด เรื่องอื่นๆ ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัวของหนิงก่อน แต่อย่างในวันนี้เป็นการฟ้องละเมิดจากบุคคลที่ 3 ค่ะ”

“หนิงก็ขอบคุณมากๆ จริงๆ ทุกวันนี้ก็ยังได้รับกำลังใจมากๆ ขนาดเดินทางไปต่างประเทศ คนไทยที่อยู่ที่โน้นทุกคนที่เจอ ทั้งรู้จักและไม่รู้จักก็เดินมากอด กำลังใจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ก็มูฟออนค่ะ”

ด้าน ทนายพิทักษ์ ทนายความส่วนตัวหนิง กล่าวว่า 

“วันนี้คดีคุณหนิง ได้มาใช้สิทธิ์ทางศาลกับบุคคลที่3 คดีวันนี้ศาลส่งให้ไปนัดไกล่เกลี่ยกันอีกทีวันที่ 4 ก.ค. เวลาบ่ายโมงที่ศาลเยาวชนนี้ครับ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คงส่งผลกระทบในความรู้สึกของคุณหนิง ทั้งชีวิตครอบครัว ซึ่งคงต้องให้คุณหนิงอธิบายในความรู้สึกตรงนี้ครับ”

“วันนี้เป็นการนัดครั้งแรก ซึ่งทางจำเลยเขาอาจจะไม่มาก็ได้ แต่วันที่ 4 ศาลก็คงขอความกรุณาว่าให้มาคุยกัน จะได้หาทางตกลงกัน สิ่งที่เรียกร้องไปก็คือความเสียหายที่คุณหนิงได้รับ ก็เป็นยอดเงินที่ค่อนข้างพอสมควร แต่ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญสำหรับคุณหนิง จะเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ได้รับผลกระทบในความเจ็บปวดตรงนั้นมากกว่าครับ”

“ก็อาจจะผิดหวังบ้างที่เขาไม่มาตามนัด แต่ถ้ามาก็ดี จะได้คุยกัน แต่ทนายความเขามานะครับ ก็มาทำหน้าที่หน้าที่เขา แต่ทนายความฝั่งโน้นก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเนื่องจากตัวความไม่ได้มา แต่คิดว่าวันที่ 4 นี้ก็คงนำตัวความมาครับ คิดว่าอย่างนั้น”

“ถ้าวันที่ 4 กรกฎาคม อีกฝ่ายไม่มาอีก ก็ต้องสืบความไปว่าสิ่งที่คุณหนิงถูกกระทำไปมีอะไรบ้างครับ ถามว่าเรามั่นใจในพยานหลักฐานมากน้อยแค่ไหน คิดว่ามั่นใจพอสมควร เพราะคุณหนิงเขาเก็บหลักฐานมาตลอดครับ”

“ส่วนจะคุยกันหน้าศาลทีเดียว หรือจะไม่มีนอกรอบมั้ย เราก็ไม่ปิดทางซะทีเดียว ถ้าอยากคุยกันนอกรอบ แต่ถ้าอยากคุยกันข้างในก็มีระบบของศาลคอยไกล่เกลี่ยให้อยู่แล้ว ก็ถือเป็นหลักเป็นฐานต่อกัน สำหรับวันที่ 4 กรกฏาคม หากมีการได้พูดคุยกันจริงๆ ก็ต้องได้รับคำตอบจากเขานะครับ บางอย่างเราอยากได้คำตอบจากเขามากกว่า จะเป็นอะไรสักอย่างหนึ่งคุณหนิงก็ไม่ได้มุ่งหมายเป็นตัวเงินอย่างเดียว อาจจะเป็นความรู้สึกอะไรบางอย่างก็ได้ ต้องไปดูกันอีกที”